Posted on: July 9, 2025 / Last updated: July 9, 2025
ภาษีทรัมป์เริ่มบังคับใช้ ส.ค. 2025! ส่งผลสะเทือนต่อการส่งออกของญี่ปุ่นและเอเชีย

วันที่ 1 สิงหาคม 2025 สหรัฐฯ ประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมกับญี่ปุ่น ประเทศในเอเชีย และสหภาพยุโรป นโยบายการค้ากลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบอย่าง รุนแรงต่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการผลิต
CONTENTS
ญี่ปุ่นโดนภาษีรวม 25% ผลกระทบจะลึกแค่ไหน?
ญี่ปุ่นจะถูกเก็บภาษีเพิ่มอีก 15% จากเดิม 10% รวมเป็น25%
แม้รัฐบาลจะระบุว่า “จะเจรจาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ” แต่ภาคธุรกิจเริ่มได้รับผลกระทบโดยตรงแล้ว
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหลักที่ส่งออกไปสหรัฐฯ เช่น ยานยนต์ เครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องพิจารณาการปรับโครงสร้างซัพพลายเชน
จากการวิจัยภาคเอกชนคาดว่า GDP ของญี่ปุ่น อาจลดลงใกล้เคียง 1%
ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็โดนด้วย
มาตรการภาษีครั้งนี้ขยายครอบคลุมทั่วเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนี้
ญี่ปุ่น: 25% เกาหลีใต้: 25% มาเลเซีย: 25% เวียดนาม: 20% (แต่สินค้าผ่านจีนอาจสูงสุด 40%) ไทย: 36% อินโดนีเซีย: 32% กัมพูชา: 36% ลาว: 40% เมียนมา: 40% บังกลาเทศ: 35% แอฟริกาใต้: 30% ฮังการี: 30% คาซัคสถาน: 25%
แม้ใช้ประเทศที่สามในการขนส่งก็ยังต้องมีใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (CO) จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้ง่าย
EU ก็อาจโดนภาษีสูงถึง 50%
EU อาจถูกเก็บภาษีเริ่มต้นที่ 20% และสูงสุดถึง 50% ตามที่ทรัมป์กล่าว
หากไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้น จะถูกบังคับใช้ทันทีตามแนวทางของทรัมป์
ซัพพลายเชนจะต้องปรับอย่างไร?
ภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ “การเคลื่อนย้ายสินค้า” หรือโลจิสติกส์และซัพพลายเชน
・จะจัดส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯ อย่างไร? ・โรงงานและคลังสินค้าควรตั้งอยู่ที่ไหน? ・ต้องปรับพิธีการศุลกากรหรือไม่?
ความเปลี่ยนแปลงจะกระทบถึงแนวหน้า แต่หากเราคาดการณ์ได้ ก็สามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้
สรุป: ต้องเตรียมรับมืออย่างเร่งด่วน
ตั้งแต่ 1 ส.ค. ญี่ปุ่นจะถูกเก็บภาษี 25%
จะส่งผลกระทบต่อ ทั้งซัพพลายเชนของเอเชียและสหภาพยุโรป
ภาคโลจิสติกส์ต้องเร่งปรับตัว—ตรวจสอบ CO ทบทวน FTA และกำหนดเวลาจัดส่งใหม่ เป็นสิ่งจำเป็น
โอกาสมีให้เฉพาะผู้ที่เตรียมพร้อมเท่านั้น ตอนนี้คือเวลาที่ต้องลงมือ