Posted on: July 24, 2025 / Last updated: July 24, 2025
ข้อตกลงภาษีศุลกากรระหว่างญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ลดเหลือ 15% จะส่งผลอย่างไรต่อโลจิสติกส์ยานยนต์?

บทความนี้จะอธิบายข้อตกลงภาษีศุลกากรระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 โดยเฉพาะประเด็นสำคัญคือ การลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนจาก 25% เหลือ 15% ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมโลจิสติกส์โดยตรง
CONTENTS
ภาพรวมของข้อตกลงภาษี: จาก 25% เหลือ 15%
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นในอัตรา 25% ตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 ในขณะที่ช่วงก่อนหน้านั้น (ถึงเดือนมีนาคม 2025) อัตราภาษีอยู่ที่เพียง 2.5% จากข้อตกลงครั้งนี้ สหรัฐฯ และญี่ปุ่นตกลงที่จะ:
กำหนดอัตราภาษีร่วมกันที่ 15% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเรื่องนี้ผ่านโซเชียลมีเดีย และสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการที่เกี่ยวข้อง
โลจิสติกส์ยานยนต์ปรับตัวอย่างไร?
บริษัทเรือและฟอร์เวิร์ดเดอร์ต่างแสดงความเห็นว่า:
“เมื่อเทียบกับ 25% ถือว่าเป็นไปในทางที่ดี” “การวางแผนการผลิตและจัดส่งทำได้ง่ายขึ้น โลจิสติกส์ก็เช่นกัน”
ช่วงเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม การขนส่งทางเรือเป็นไปตามแผน ไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเดิม 2.5% ภาษียังถือว่าสูงอยู่ อาจส่งผลต่อราคาขายและอุปสงค์ ทำให้การขนส่งชะลอลงได้เช่นกัน
ผลกระทบต่อโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน
ในสถานการณ์ที่ภาษีผันผวนเช่นนี้ บริษัทที่มีฐานการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้อง: ปรับแผนการจัดส่งสินค้าโดยอิงจากอัตราภาษีในแต่ละประเทศ เสียงจากผู้เกี่ยวข้อง:
“ตอนนี้แน่นอนแล้วว่า 15% เราจึงเริ่มวางแผนโครงสร้างซัพพลายเชนได้ชัดเจน”
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอย่างมีนัยสำคัญ หรือมีสินค้าจากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
แนวโน้มในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
เมื่อใกล้ถึงช่วงสิ้นปี ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามีดังนี้:
・ยอดขายรถยนต์จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง? → หากผู้บริโภคลังเลในการซื้อเพราะราคาสูง จะกระทบต่อโลจิสติกส์ ・การเพิ่มขึ้นของความต้องการอาจนำไปสู่การใช้ขนส่งทางอากาศ → โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาจย้ายจากทางเรือเป็นทางอากาศ
นอกจากนี้ ใครจะเป็นผู้แบกรับภาษี (ผู้ส่งออกหรือผู้นำเข้า) ก็มีผลต่อยุทธศาสตร์โลจิสติกส์เช่นกัน
สรุป
สิ่งที่โลจิสติกส์ไม่อยากเจอที่สุดคือ “ภาษีที่เปลี่ยนแปลงบ่อยจนคาดเดาไม่ได้” การที่มีอัตราภาษี 15% อย่างชัดเจนในครั้งนี้จึงช่วยให้ทุกฝ่ายวางแผนได้ง่ายขึ้น ทั้งผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทโลจิสติกส์สามารถกลับมาดำเนินงานได้อย่างมั่นคง แต่อย่าลืมว่า นโยบายการค้าเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เราจึงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป