Posted on: July 28, 2025 / Last updated: July 28, 2025
เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา กระทบการขนส่งทางบกของบริษัทญี่ปุ่น

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2025 หนังสือพิมพ์ Kaiji รายงานว่า เหตุปะทะทางทหารระหว่างไทยและกัมพูชา ส่งผล กระทบต่อบริษัทญี่ปุ่นที่พึ่งพาการขนส่งทางบก บทความนี้จะวิเคราะห์จากมุมมองของ ห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงด้านโลจิสติกส์
CONTENTS
เกิดความขัดแย้งทางทหารบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เกิดเหตุปะทะทางทหารบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ ปอยเปตทางฝั่งตะวันตก มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ใกล้ด่านชายแดน
พื้นที่ดังกล่าวถือเป็น จุดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ที่เชื่อมต่อไทยตะวันออกและกัมพูชาตะวันตก ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลให้ “เส้นเลือดหลัก” ของห่วงโซ่อุปทานถูกตัดขาด ทันที
Yazaki Corporation รับมืออย่างรวดเร็ว
ในบรรดาบริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบ Yazaki Corporation ถูกกล่าวถึงในฐานะที่ ตอบสนองสถานการณ์ได้รวดเร็ว โดยได้ เปลี่ยนการขนส่งชิ้นส่วนจากกัมพูชามายังไทยจากทางบกเป็นทางทะเล บางส่วน
นอกจากนี้ ยังได้ เริ่มผลิตชิ้นส่วนแบบเดียวกันในโรงงานที่ไทย เพื่อลดความเสี่ยงด้านการขนส่ง และ สร้างความยืดหยุ่นในห่วงโซ่อุปทาน
อันที่จริง ด่านชายแดนเริ่มปิดตั้งแต่ ปลายเดือนมิถุนายน และ Yazaki ได้ เริ่มดำเนินการรับมือล่วงหน้า แล้ว
ความเสี่ยงจากยุทธศาสตร์ “Thailand Plus One”
กัมพูชาได้รับความสนใจในฐานะประเทศสำคัญในยุทธศาสตร์ “Thailand Plus One” ที่บริษัทญี่ปุ่น ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าจ้างแรงงานต่ำกว่า
หลายบริษัทจึง ผลิตชิ้นส่วนในกัมพูชาและขนส่งทางบกเข้าสู่ไทย โดยเฉพาะ บริษัทชั้นนำอย่าง Toyota, Honda, Mitsubishi ที่พึ่งพาโมเดลนี้อย่างมาก
แม้ว่าขณะนี้การผลิตยังไม่หยุดชะงัก แต่ก็อาจเป็นเพียงการรับมือชั่วคราวผ่านสต็อกและการปรับเปลี่ยนระบบโลจิสติกส์
อย่างไรก็ตาม การขนส่งทางทะเลใช้เวลานานกว่า หากความขัดแย้งยืดเยื้อ ความเสี่ยงด้านการล่าช้าในการจัดส่ง จะยิ่งเพิ่มขึ้น
ผลกระทบต่อแรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน
ผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่โลจิสติกส์ โรงงานของ Minebea ในไทยมีแรงงานชาวกัมพูชากว่า 100 คน หากการเดินทางข้ามพรมแดนถูกจำกัด อาจกระทบ การจัดหาแรงงาน
บนโซเชียลมีเดียมีรายงานว่า ร้าน 7-Eleven และสถานี BTS บริเวณปอยเปตถูกปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ ทำให้ความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ น่าเป็นห่วง
ธนาคารกรุงไทยและกสิกรไทย ปิดสาขาชั่วคราว 35 แห่ง ตามแนวชายแดน ขณะที่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ปิด 2 สาขา สะท้อนถึงผลกระทบต่อ สถาบันการเงิน
แนวโน้มในอนาคตและความจำเป็นในการวางแผน
แหล่งข่าวในพื้นที่มองว่า ด่านชายแดนอาจไม่สามารถเปิดใช้งานได้ในเร็ววัน และความปั่นป่วนอาจยืดเยื้อ
ลูกค้าหลายรายของเราก็ เปลี่ยนมาใช้การขนส่งทางทะเลตั้งแต่เดือนมิถุนายน แสดงให้เห็นถึง ความสำคัญของการตอบสนองที่รวดเร็วและยืดหยุ่น
สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างมาก มีรายงานว่า ไทยส่งเครื่องบินโจมตีทางอากาศจนมีผู้เสียชีวิต ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบทั้งด้าน มนุษยธรรม เศรษฐกิจ และโลจิสติกส์
การวางแผนโลจิสติกส์ ที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย จะมีความสำคัญยิ่งขึ้นในอนาคต เราขอภาวนาให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว