สายเรือคอนเทนเนอร์ รายได้ไตรมาส 2/2025 ลดลงถ้วนหน้า

วันนี้เราจะมาอัปเดตผลประกอบการล่าสุดของอุตสาหกรรมเรือคอนเทนเนอร์
ธีมคือ “สายเรือหลักลดกำไรในไตรมาส 2 (เม.ย.–มิ.ย.)”

ภาษีสหรัฐทำให้ดีมานด์และซัพพลายผันผวน

ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2025 นโยบายภาษีของสหรัฐ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอย่างชัดเจน
เดือนเมษายน ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนทำให้ปริมาณสินค้าลดลงชั่วคราว
แต่หลังจากมีข้อตกลง ความต้องการพุ่งกลับทันที ทำให้ค่าระวางขาไปอเมริกาเหนือพุ่งสูง

เมื่อสายเรือกลับมาให้บริการ กำลังการขนส่งเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าระวางตกลงอีกครั้งในเดือนมิถุนายน
ไตรมาสนี้มีความผันผวนอย่างรุนแรงในระยะสั้น

ผลประกอบการของแต่ละสายเรือ

Maersk มีปริมาณขนส่งเพิ่มขึ้น แต่ค่าระวางที่ลดลงและขาดกำไรพิเศษ ทำให้กำไรจากสายเรือลดลงครึ่งหนึ่ง
แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากบริการยุโรป รายได้โกดัง และราคาน้ำมันต่ำ

CMA CGM มีปริมาณคงที่ แต่ ค่าระวางเฉลี่ยลดลง ทำให้ EBITDA ลดลง 20%
Hapag-Lloyd ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายในการเข้าสู่โครงสร้าง Gemini

ฝั่งเอเชียก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
Evergreen, Yang Ming, Wan Hai, HMM และ ONE ล้วนมีกำไรลดลง
โดยเฉพาะ Yang Ming ลดลง 93% Wan Hai 91% และ ONE ลดลง 89%

แต่คาดการณ์รายปีบางส่วนยังคงปรับเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม บางบริษัท ยังคงมีกำไรสะสมในครึ่งปีแรก
Maersk ปรับ EBITDA ขึ้นเป็น 8–9.5 พันล้านดอลลาร์
ZIM และ Hapag-Lloyd ก็ปรับเพิ่มคาดการณ์เช่นกัน

แต่ แนวโน้มกำไรทั้งปียังลดลงมาก

ผลกระทบต่อภาคปฏิบัติ

เมื่อภาษีทำให้ดีมานด์เปลี่ยน ค่าระวางผันผวน การวางแผนงบประมาณและจัดซื้อ จะกลายเป็นเรื่องยาก
ไตรมาสนี้ ดีมานด์พุ่งกลับฉับพลัน ทำให้ความผันผวนยิ่งชัดเจน

จังหวะการจองเรือและรูปแบบสัญญา ทำให้ ผู้ส่งออกบางรายอาจเสียหรือได้มาก

แนวโน้มข้างหน้า

ดีมานด์ยังผันผวนตามนโยบายภาษี
ค่าระวางไปอเมริกาเหนือยังคงต่ำ และ ความเสี่ยงเรือใหม่ล้นตลาดยังคงอยู่

สายเรืออาจยังใช้ การเว้นเที่ยว (Blank Sailing) และลดความเร็ว เพื่อปรับสมดุล
ผู้ส่งออกควร หลีกเลี่ยงการพึ่งพาราคา Spot และ ใช้สัญญาระยะยาวและหลายเส้นทางเพื่อลดความเสี่ยง

แนวโน้มจะเป็นเช่นนี้ต่อหรือไม่ ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด