Posted on: October 29, 2025 / Last updated: October 29, 2025
ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ลงนาม MOU ความร่วมมือด้านการต่อเรือ เปิดศักราชใหม่แห่งอุตสาหกรรมเดินเรืออเมริกา
เดือนตุลาคม 2025 ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาได้ลงนามใน บันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อความร่วมมือด้านการต่อเรือ.
ข้อตกลงนี้ครอบคลุมถึงการขยายขีดความสามารถในการต่อเรือ การพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยี และการลงทุนในอุตสาหกรรมทางทะเลของสหรัฐฯ.
แต่เบื้องหลังข้อตกลงนี้ คือยุทธศาสตร์ใหญ่ในการ ฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือของอเมริกา.
ในยุคที่รัฐบาลทรัมป์กลับมาผลักดันนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” สหรัฐฯ ต้องการสร้างอุตสาหกรรมต่อเรือขึ้นใหม่จากศูนย์.
และญี่ปุ่นก็กำลังมีบทบาทสำคัญในฐานะพันธมิตรด้านเทคโนโลยี.
CONTENTS
การลงนามในบันทึกความเข้าใจ
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น รัฐมนตรีคาเนโกะ และรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ฮาวเวิร์ด แรทนิค ได้ลงนามอย่างเป็นทางการ.
ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้ง “คณะทำงานด้านการต่อเรือ” เพื่อหารือหัวข้อหลัก ได้แก่
- การเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมต่อเรือในสองประเทศ
- การลงทุนในอุตสาหกรรมเดินเรือของสหรัฐฯ
- การพัฒนาแรงงานและการฝึกอบรมด้านเทคนิค
- การพัฒนาเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ร่วมกัน
อุตสาหกรรมต่อเรือในยุคนี้ไม่ได้ล้าสมัยอีกต่อไป.
AI และหุ่นยนต์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในกระบวนการผลิตเรือ.
มุมมองของญี่ปุ่น: ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ
รัฐมนตรีคาเนโกะกล่าวว่า “อุตสาหกรรมต่อเรือเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจและความมั่นคงของทั้งสองประเทศ.
เราต้องมีความสามารถในการสร้างเรือในประเทศของเราเอง.”
ญี่ปุ่นมองว่าอุตสาหกรรมนี้คือ “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” ที่ต้องปกป้อง.
มุมมองของสหรัฐฯ: การสร้างใหม่จากศูนย์
รัฐมนตรีแรทนิคกล่าวว่า “อเมริกาเคยมีอุตสาหกรรมต่อเรือที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้แทบไม่มีเหลือ.
ญี่ปุ่นคือพันธมิตรที่มีเทคโนโลยีระดับโลก และเราต้องการร่วมมือเพื่อสร้างมันขึ้นใหม่.”
สหรัฐฯ ขาดทั้งอู่ต่อเรือและแรงงานฝีมือ.
ดังนั้น การร่วมมือกับญี่ปุ่นจึงเป็นหัวใจของการฟื้นฟู.
“ภาษีเข้าท่าเรือ” — นโยบายอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์
ปี 2025 รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศใช้ “ภาษีเข้าท่าเรือ (Port Entry Fee)”.
เป็นภาษีที่เก็บจากเรือที่สร้างนอกสหรัฐฯ เมื่อเข้ามายังท่าเรืออเมริกัน ซึ่งบางลำต้องจ่ายมากกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์.
วัตถุประสงค์ชัดเจน คือ ส่งเสริมให้ต่อเรือในสหรัฐฯ.
แต่เมื่ออุตสาหกรรมในประเทศยังไม่พร้อม สหรัฐฯ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากญี่ปุ่น.
เทคโนโลยีและการพัฒนาบุคลากร
ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากร เช่น
- ระบบจัดการการผลิตด้วย AI
- หุ่นยนต์เชื่อมโลหะอัตโนมัติ
- ระบบออกแบบเรือแบบ Digital Twin
- การแลกเปลี่ยนนักศึกษาและวิศวกร
ญี่ปุ่นอาจส่งวิศวกรเข้าร่วมในการฟื้นฟูอู่ต่อเรือของสหรัฐฯ ในอนาคต.
สรุป: พันธมิตรใหม่แห่งการต่อเรือ
อุตสาหกรรมต่อเรือที่เคยถูกมองว่าเก่า กำลังกลับมาอีกครั้ง.
ในยุคที่โลกให้ความสำคัญกับ เทคโนโลยี AI พลังงานสะอาด และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ คือการเปิดศักราชใหม่ของ “การฟื้นฟูการต่อเรือ”.
ภาษีเข้าท่าเรือคือแรงผลักจากภายนอก ส่วน MOU คือความร่วมมือจากภายใน เพื่อผลักดันการฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือของอเมริกา.
ญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญทั้งด้านเทคโนโลยีและบุคลากร ในการสร้าง “ยุคฟื้นฟูการต่อเรือ” ของโลก.






