HPS Trade, a distribution agent
that accelerates business locally in Asia

MENUCLOSE

column

ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ลงนาม MOU ความร่วมมือด้านการต่อเรือ เปิดศักราชใหม่แห่งอุตสาหกรรมเดินเรืออเมริกา

ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ลงนาม MOU ความร่วมมือด้านการต่อเรือ เปิดศักราชใหม่แห่งอุตสาหกรรมเดินเรืออเมริกา | イーノさんのロジラジ

เดือนตุลาคม 2025 ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาได้ลงนามใน บันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อความร่วมมือด้านการต่อเรือ.

ข้อตกลงนี้ครอบคลุมถึงการขยายขีดความสามารถในการต่อเรือ การพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยี และการลงทุนในอุตสาหกรรมทางทะเลของสหรัฐฯ.

แต่เบื้องหลังข้อตกลงนี้ คือยุทธศาสตร์ใหญ่ในการ ฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือของอเมริกา.

ในยุคที่รัฐบาลทรัมป์กลับมาผลักดันนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” สหรัฐฯ ต้องการสร้างอุตสาหกรรมต่อเรือขึ้นใหม่จากศูนย์.

และญี่ปุ่นก็กำลังมีบทบาทสำคัญในฐานะพันธมิตรด้านเทคโนโลยี.

การลงนามในบันทึกความเข้าใจ

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น รัฐมนตรีคาเนโกะ และรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ฮาวเวิร์ด แรทนิค ได้ลงนามอย่างเป็นทางการ.

ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้ง “คณะทำงานด้านการต่อเรือ” เพื่อหารือหัวข้อหลัก ได้แก่

  • การเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมต่อเรือในสองประเทศ
  • การลงทุนในอุตสาหกรรมเดินเรือของสหรัฐฯ
  • การพัฒนาแรงงานและการฝึกอบรมด้านเทคนิค
  • การพัฒนาเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ร่วมกัน

อุตสาหกรรมต่อเรือในยุคนี้ไม่ได้ล้าสมัยอีกต่อไป.

AI และหุ่นยนต์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในกระบวนการผลิตเรือ.

มุมมองของญี่ปุ่น: ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ

รัฐมนตรีคาเนโกะกล่าวว่า “อุตสาหกรรมต่อเรือเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจและความมั่นคงของทั้งสองประเทศ.

เราต้องมีความสามารถในการสร้างเรือในประเทศของเราเอง.”

ญี่ปุ่นมองว่าอุตสาหกรรมนี้คือ “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” ที่ต้องปกป้อง.

มุมมองของสหรัฐฯ: การสร้างใหม่จากศูนย์

รัฐมนตรีแรทนิคกล่าวว่า “อเมริกาเคยมีอุตสาหกรรมต่อเรือที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้แทบไม่มีเหลือ.

ญี่ปุ่นคือพันธมิตรที่มีเทคโนโลยีระดับโลก และเราต้องการร่วมมือเพื่อสร้างมันขึ้นใหม่.”

สหรัฐฯ ขาดทั้งอู่ต่อเรือและแรงงานฝีมือ.

ดังนั้น การร่วมมือกับญี่ปุ่นจึงเป็นหัวใจของการฟื้นฟู.

“ภาษีเข้าท่าเรือ” — นโยบายอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์

ปี 2025 รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศใช้ “ภาษีเข้าท่าเรือ (Port Entry Fee)”.

เป็นภาษีที่เก็บจากเรือที่สร้างนอกสหรัฐฯ เมื่อเข้ามายังท่าเรืออเมริกัน ซึ่งบางลำต้องจ่ายมากกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์.

วัตถุประสงค์ชัดเจน คือ ส่งเสริมให้ต่อเรือในสหรัฐฯ.

แต่เมื่ออุตสาหกรรมในประเทศยังไม่พร้อม สหรัฐฯ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากญี่ปุ่น.

เทคโนโลยีและการพัฒนาบุคลากร

ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากร เช่น

  • ระบบจัดการการผลิตด้วย AI
  • หุ่นยนต์เชื่อมโลหะอัตโนมัติ
  • ระบบออกแบบเรือแบบ Digital Twin
  • การแลกเปลี่ยนนักศึกษาและวิศวกร

ญี่ปุ่นอาจส่งวิศวกรเข้าร่วมในการฟื้นฟูอู่ต่อเรือของสหรัฐฯ ในอนาคต.

สรุป: พันธมิตรใหม่แห่งการต่อเรือ

อุตสาหกรรมต่อเรือที่เคยถูกมองว่าเก่า กำลังกลับมาอีกครั้ง.

ในยุคที่โลกให้ความสำคัญกับ เทคโนโลยี AI พลังงานสะอาด และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ คือการเปิดศักราชใหม่ของ “การฟื้นฟูการต่อเรือ”.

ภาษีเข้าท่าเรือคือแรงผลักจากภายนอก ส่วน MOU คือความร่วมมือจากภายใน เพื่อผลักดันการฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือของอเมริกา.

ญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญทั้งด้านเทคโนโลยีและบุคลากร ในการสร้าง “ยุคฟื้นฟูการต่อเรือ” ของโลก.

RELATED POSTS