HPS Trade, a distribution agent
that accelerates business locally in Asia

MENUCLOSE

column

ค้าปลีกสหรัฐฯ ลดสต็อกอย่างระมัดระวัง! ภาษีและความเชื่อมั่นผู้บริโภคส่งผลต่อโลจิสติกส์

ค้าปลีกสหรัฐฯ ลดสต็อกอย่างระมัดระวัง! ภาษีและความเชื่อมั่นผู้บริโภคส่งผลต่อโลจิสติกส์ | イーノさんのロジラジ

ในช่วงปลายปี 2025 ภาคค้าปลีกของสหรัฐฯ กำลังเกิดปรากฏการณ์แปลกใหม่

ยอดขายยังคงแข็งแกร่ง แต่ปริมาณการนำเข้ากลับลดลงอย่างมาก

รายงานจาก Global Port Tracker (GPT) ระบุว่า ปริมาณนำเข้าจะลดลง 14.4% ในเดือนพฤศจิกายน และ 19.9% ในเดือนธันวาคม เมื่อเทียบกับปีก่อน

ภายในเดือนมีนาคม 2026 ปริมาณนำเข้าอาจลดเหลือเพียง 1.79 ล้าน TEU

ปัจจัยเบื้องหลังคือ ความไม่แน่นอนของผู้บริโภค ความเสี่ยงด้านภาษี และผลกระทบจากการนำเข้าล่วงหน้า

ยอดขายดี แต่สต็อกบาง: กลยุทธ์ควบคุมความเสี่ยงด้วยสินค้าคงคลังต่ำ

ยอดขายค้าปลีกของสหรัฐฯ ในปี 2025 ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3–4% เมื่อเทียบกับปีก่อน

แต่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนกลับลดลงในเดือนพฤศจิกายน

สาเหตุหลักมาจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่ยาวนานกว่า 5 สัปดาห์ และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอน

ด้วยเหตุนี้ ผู้ค้าปลีกจึงใช้กลยุทธ์ “ขายก่อน แล้วค่อยเติมของทีหลัง”

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชี้ว่า อัตราส่วนสินค้าคงคลังต่อยอดขายอยู่ที่ 1.28–1.32 เท่านั้น หรือมีสินค้าในสต็อกเพียงราว 1 เดือน

นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากยุคที่ต้องถือสินค้าคงคลังไว้หลายเดือนล่วงหน้า

ความเสี่ยงจากภาษี และผลกระทบจากการนำเข้าล่วงหน้า

อีกสาเหตุสำคัญของการชะลอตัวคือ ผลกระทบจากการนำเข้าล่วงหน้า (Frontloading)

ในช่วงต้นปี 2025 เมื่อรัฐบาลทรัมป์เปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีอย่างต่อเนื่อง หลายบริษัทรีบนำเข้าสินค้าก่อนที่ภาษีจะปรับขึ้น

แม้ยอดนำเข้าในครึ่งปีแรกจะเพิ่มขึ้น 3.7% แต่คลังสินค้ากลับเต็มและคำสั่งซื้อใหม่ลดลง

Ben Hackett จาก Hackett Associates เตือนว่า

“นโยบายภาษีที่เปลี่ยนแปลงบ่อยทำให้ตลาดคาดเดาได้ยาก และอาจทำให้ยอดนำเข้าช่วงต้นปี 2026 ลดลงอีก”

ความผันผวนนี้กำลังเปลี่ยนโครงสร้างของซัพพลายเชนในภาคธุรกิจสหรัฐฯ

ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ–จีน และการเปลี่ยนทิศทางสู่ ASEAN

ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ประกาศในปลายปี 2025 ลด “ภาษีเฟนทานิล” ลงครึ่งหนึ่งเป็นเวลา 1 ปี

แต่ภาษียังสูงถึง ราว 47%

ผู้ค้าปลีกจึงหันไปนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม ไทย และอินโดนีเซียมากขึ้น

การเปลี่ยนทิศทางนี้ช่วยลดการพึ่งพาจีน แต่ก็สร้างผลกระทบสองด้านต่อโลจิสติกส์

แม้ปริมาณสินค้าจากจีนลดลง แต่สินค้าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รูปแบบการขนส่งทางเรือเปลี่ยนไป

บทสรุป: โลจิสติกส์ยุคใหม่คือ “รุกอย่างระมัดระวัง”

ในช่วงต้นปี 2026 เส้นทางขนส่งไปอเมริกาเหนืออาจมีพื้นที่ว่างเพิ่ม และอัตราค่าระวางเรือลดลง

แต่หากนโยบายภาษีหรือสถานการณ์การเมืองกลับมาผันผวน อาจเกิด “การนำเข้าล่วงหน้า” รอบใหม่อีกครั้ง

โลจิสติกส์ในยุคนี้ไม่ใช่มาราธอนระยะยาว แต่คือการแข่งขันวิ่งระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจต้องปรับตัวด้วย สัญญาขนส่งที่ยืดหยุ่น และ ระบบเติมสินค้าเชื่อมโยงสต็อก

ค้าปลีกสหรัฐฯ กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ “การรุกอย่างรอบคอบ”

คำถามสำคัญคือ จะเพิ่มยอดขายได้อย่างไรโดยไม่ต้องถือสินค้าคงคลังมาก — คำตอบนี้เองจะเป็นตัวกำหนดทิศทางโลจิสติกส์โลกในอนาคต

RELATED POSTS