ค่าระวางขนส่งไปอเมริกาเริ่มฟื้น? วิเคราะห์จาก SCFI ที่กลับมาเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์

วันนี้เราจะมาอธิบายข่าวว่า “ค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ไปยังอเมริกาเริ่มแตะจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง?”
โดยใช้ดัชนี SCFI ล่าสุดจากเซี่ยงไฮ้เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันและปัจจัยเบื้องหลัง

อัปเดต SCFI: ค่าระวางไปอเมริกากลับมาฟื้นตัว

จากข้อมูลของดัชนี SCFI ที่เผยแพร่โดย Shanghai Shipping Exchange เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ค่าระวางจากจีน (ต่อ 40 ฟุต) เป็นดังนี้

ไปชายฝั่งตะวันตกสหรัฐฯ: 2,194 ดอลลาร์ (+5% จากสัปดาห์ก่อน)
ไปชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ: 4,172 ดอลลาร์ (+1%)

นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ที่ราคาฟื้นตัว
โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกที่เคยสูงกว่า 6,000 ดอลลาร์ ลดลงเหลือประมาณ 2,000 ดอลลาร์ จึงเริ่มมีสัญญาณว่าอาจแตะจุดต่ำสุดแล้ว

เกิดอะไรขึ้นในเดือนมิถุนายน?

ในเดือนมิถุนายน ผู้ให้บริการเรือรายใหญ่และจากเอเชียได้เพิ่มกำลังการขนส่งในเส้นทางไปอเมริกาอย่างมาก

แต่ความต้องการส่งออกจากจีนกลับไม่มากเท่าที่คาด ส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานล้นตลาด และราคาค่าระวางร่วงลงอย่างรวดเร็ว

ชายฝั่งตะวันตก: จาก 6,243 ดอลลาร์ต้นเดือน มิ.ย. เหลือ 2,194 ดอลลาร์ภายในไม่กี่สัปดาห์
ชายฝั่งตะวันออก: จาก 5,172 ดอลลาร์ เหลือ 4,172 ดอลลาร์

อ้างอิง: ITS Logistics, RailwayAge (Freight Index มิถุนายน 2025)

การฟื้นตัวในเดือนกรกฎาคม: ผลจากการปรับกำลังการขนส่ง

ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม เริ่มเห็นการตอบสนองจากสายเรือ

MSC ระงับบริการ “PEARL” ชั่วคราว (จีน/อาเซียน–ชายฝั่งตะวันตกสหรัฐฯ)
สายเรืออื่นๆ ยกเลิกการขึ้น GRI และ PSS

ทั้งหมดนี้เป็นความพยายามในการปรับสมดุลอุปสงค์–อุปทาน และป้องกันไม่ให้ราคาตกต่ำลงไปอีก

แนวโน้มรายภูมิภาค (ข้อมูล ณ วันที่ 11 ก.ค.)

แม้เส้นทางอเมริกาจะเริ่มฟื้น แต่พื้นที่อื่นยังอ่อนตัว:

ยุโรปเหนือ (20 ฟุต): 2,099 ดอลลาร์ (ลดลงเล็กน้อย)
ชายฝั่งตะวันตกอเมริกาใต้: ลดลง 5 สัปดาห์ติด
ชายฝั่งตะวันออกอเมริกาใต้: ลดลงครั้งแรกในรอบ 10 สัปดาห์

ส่งผลให้ SCFI รวมอยู่ที่ 1,733 จุด (ลดลง 2% จากสัปดาห์ก่อน)

ข้อแนะนำสำหรับผู้ส่งสินค้าและฟอร์เวอร์เดอร์

หากสายเรือยังปรับกำลังต่อเนื่อง สถานการณ์อาจเริ่มนิ่งขึ้น

เส้นทางตะวันตก: ค่าระวางน่าจะทรงตัวใกล้ต้นทุน
เส้นทางตะวันออก: ยังคงสูง ควรพิจารณาทบทวนสัญญาและกระจายเส้นทาง

การยกเลิก GRI/PSS: อาจเป็นเพียงชั่วคราว ควรระวังการกลับมาใช้ในอนาคต

สรุป

การฟื้นตัวครั้งนี้ อาจเป็นเพียงการปรับฐานชั่วคราว เท่านั้น
หากความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หรือยุทธศาสตร์สายเรือเปลี่ยน ก็อาจมีความผันผวนรอบใหม่

เพราะฉะนั้นช่วงเวลาไม่แน่นอนแบบนี้ กลยุทธ์ซัพพลายเชนจึงยิ่งสำคัญ
อย่าลืมติดตามข้อมูลล่าสุดอย่างสม่ำเสมอ