การจองระหว่างจีน-อเมริกาเหนือพุ่งสูง! การลดภาษีกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงด้านโลจิสติกส์ครั้งใหญ่

ในวันนี้เราขอนำเสนอประเด็นสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของการจองระหว่างจีนไปยังอเมริกาเหนือ และการตอบสนองอย่างยืดหยุ่นของสายเรือ

เมื่อไม่นานมานี้ มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในด้านการขนส่งทางทะเลจากจีนไปยังอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะความผันผวนของความต้องการที่เกิดจากนโยบายภาษีศุลกากรระหว่างจีนและสหรัฐฯ

◆ การลดภาษีระหว่างจีน-สหรัฐฯ จุดประกายการจองล่วงหน้า

การเพิ่มขึ้นในครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจากข้อตกลงระหว่างรัฐบาลจีนและสหรัฐฯ ที่จะลดภาษีศุลกากรลงเป็นการชั่วคราว โดยภาษี 115% ที่บังคับใช้กับสินค้าส่งออกจากจีน ได้รับการผ่อนปรนเป็นเวลา 90 วัน

ด้วยเหตุนี้ ผู้ส่งออกจำนวนมากจึงรีบวางแผนขนส่งล่วงหน้า ส่งผลให้จำนวนการจองเพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลักเมื่อเทียบกับช่วงก่อนมีการเก็บภาษี

◆ สายเรือตอบสนองทันทีด้วยการเปลี่ยนไปใช้เรือขนาดใหญ่

แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการรองรับของสายเรือ แต่หลายบริษัทก็ได้เริ่มดำเนินการอย่างรวดเร็ว

จากเดิมที่ใช้เรือขนาดเล็กในเส้นทางจีน-อเมริกาเหนือ ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนมาใช้เรือขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง

ในบางเส้นทาง สายเรือที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรได้มีการประสานงานตารางเดินเรือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอย่างยืดหยุ่น

◆ ความเสี่ยงของความแออัดที่ท่าเรือสหรัฐฯ

ประเด็นที่ต้องจับตามองคือ ขีดความสามารถในการจัดการของท่าเรือในฝั่งอเมริกา เมื่อปริมาณสินค้าพุ่งสูงขึ้น ท่าเรือหลักอย่างลอสแอนเจลิสอาจเผชิญกับความล่าช้า

ในช่วงโควิด-19 มีเรือมากถึง110 ลำที่รออยู่นอกฝั่ง ซึ่งสถานการณ์ลักษณะเดียวกันอาจกลับมาอีก

หากเกิดความแออัด จะส่งผลให้กระบวนการพิธีการศุลกากรล่าช้า การจัดส่งล่าช้า และค่าระวางเรืออาจปรับสูงขึ้น

◆ แนวโน้มในอนาคตและประเด็นสำคัญ

การลดภาษีในครั้งนี้มีผลเพียง90 วันเท่านั้น ซึ่งทำให้เกิดการขนส่งเร่งด่วนในระยะสั้น ประเด็นสำคัญในระยะต่อไป ได้แก่ :

・ขีดจำกัดและความสามารถในการจัดการของท่าเรือ

・ความเสี่ยงของการขาดพื้นที่และการปรับขึ้นค่าระวาง

จึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ของท่าเรือในอเมริกาและแนวโน้มการส่งออกจากจีนอย่างใกล้ชิด และวางแผนการจัดส่งอย่างเป็นระบบ